Japanese Wagyu

1 วิธีแยกวากิว และ F1 วิธีแยกเกรด และในกรณี ที่ลูกค้ามีการใช้เนื้อทั้งคู่ มีการแยกกันได้อย่างไร หลังจากที่มีการสไลด์แล้ว
→ถ้าจะให้มีการแยกกันอย่างชัดเจนจริงๆ ต้องเป็นการตรวจสอบไปถึง ดีเอ็นเอ ถึงจะแยกออกได้ระหว่าง วากิว และ F1
ถ้าจะใช้วิธีการแยกด้วยการมอง คือ ต้องดูที่ไลน์ของไขมันที่แทรกอยู่ตามเนื้อ แต่ต้องใช้คนที่มีประสบการณ์มากๆ ที่มีความคุ้นชินกับเนื้อมากนาน
สำหรับการคัดเกรดของวากิว และ F1 นั้น จะมีมาตรฐานในการคัดที่ออกโดย JMGA (Japan Meat Grading Association) 

ยีลด์ (Yield) กับ การแบ่งระดับของไขมัน มีแบ่งออกเป็น 2 อย่าง ยีลด์ (Yield) จะเป็นในรูปแบบของ  A~C  ส่วนของการวัดระดับไขมันคือ BMS 1~122。

BMS2~3 คือ ระดับ 2 BMS3~4 คือ ระดับ 3 BMS5~7 คือ ระดับ 4 BMS 8 ขึ้นไป คือ ระดับ 5

วากิว กับ F1จะสามารถแยกความแตกต่างกันได้คือ ดูจากใบรับรองการปฏิสนธิ

วัวขนดำ ×วันขนดำ ก็จะออกมาเป็นวัวขนดำ

วัวขนดำ× Holstein ก็จะออกมาเป็น F1

2 ความต่างของ วากิว A5 กับ เนื้อโกเบ และ ความต่างของ F1 กับ เนื้อโกเบ

→ ความต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือเรื่องของราคา ซึ่งเป็นราคาที่เนื้อวากิวธรรมดา และ F1 ไม่สามารถตั้งราคาขายแบบนั้นได้

→สำหรับผู้เลี้ยงจะมีการซื้อแบบประมูล ลูกวัว ในตลาดที่ขายลูกวัว ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศญี่ปุ่น

แต่ถ้าเป็นเนื้อโกเบ จะต้องเป็นลูกวัวพันธุ์ Tajima เท่านั้น แต่ถ้าเป็นลูกวากิวอื่นๆ มิได้จำกัดว่าจะต้องมาจากที่ไหน ก็ถือว่าเป็นวากิวได้

※บางพื้นที่ เช่น Miyazaki จะมีการวางกฎระเบียบว่าต้องเป็นลูกวัวที่เลี้ยงจาก Miyazaki เท่านั้น ถึงจะเป็นที่ยอมรับ

3 Target ตลาดของวากิว และ F1 อยู่ที่ไหนบ้างในประเทศญี่ปุ่น

→ วากิว คนที่มีฐานะร่ำรวย และ ร้านอาหาร

→ F1 ซุเปอร์มาร์เก็ต และผู้บริโภคที่เน้นเรื่องความคุ้มค่าเรื่องราคาเป็นหลัก

4 เคล็ดลับ หรือ ข้อแนะนำในการขายเนื้อญี่ปุ่น

→เนื้อวากิวที่ขุนที่ประเทศญี่ปุ่น จะมีระยะเวลาที่ยาวนานหลายเดือน จึงทำให้อูมามิในเนื้อเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

ถ้าต้องการที่จะทานเนื้อที่อร่อยจริงๆ ขอแนะนำเนื้อของญี่ปุ่น ซึ่งนอกจะมีรสชาติที่เยี่ยมยอดแล้ว ยังมีไลน์ของเนื้อที่สวยงามที่สามารถเป็นได้ทั้งอาหารตาได้อีกด้วย

เนื้อ F1 อาจจะเป็นเนื้อที่ ผสมกันระหว่างวากิว กับ Holstien ซึ่งจะมีไขมันที่น้อยกว่าวากิวก็ตาม ผู้บริโภคสามารถสนุกสนานไปกับรสชาติของเนื้อแดงได้มากกว่า